ขบวนแห่โรงศพ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดชลบุรีประมาณ 9 ปีที่ผ่านมา ผมได้ไปวิ่งงานที่จังหวัดชลบุรีและขากลับเวลาประมาณ 02:00 น ได้ขับรถผ่านโค้งแห่งหนึ่งที่เรียกชื่อว่า โค้งผาแดง ครั้งเมื่อผมขับรถผ่านไปโค้งนี้จะต้องชะลอความเร็วรถทุกครั้งเนื่องจากโครงนี้เป็นโค้งอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย
“ โค้งอาถรรพ์ชลบุรี ” ขบวนแห่ศพโค้งผาแดง
โดยก่อนจะถึงโค้งนี้ทางก่อนจะถึงเป็นเส้นตรงแล้วจะมีร้านขายรถแห่งหนึ่งระหว่างนั้นผมจะรอรถวิ่งอยู่ทางด้านซ้ายแล้วก็มีรถแซงขึ้นมาทางด้านขวาแต่รถคันนั้นขับมาอยู่ดีๆก็หักรถ ตกลงร่องกลางถนนผมเห็นแบบนั้นตกใจมากนั่งคิดอยู่ในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ผมก็ขับรถผ่านไปโดยไม่ได้สนใจอะไรเพราะตอนนั้นมีแค่รถผมคันเดียวกับคันที่ผมอยู่ข้างหน้า ผมเลยไม่กล้าที่จะลงไปดู
พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ ผมก็มัวแต่นั่งคิดว่าคนขับรถคันนั้นเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า
วันต่อมาผมก็มีงานที่จังหวัดชลบุรีอีก และขากลับก็เป็นเวลา 02:00 น เหมือนเดิมผมก็คิดในใจว่าถ้าวันนี้เจอแบบเมื่อคืนแสดงว่าโครงนี้เห็นจริง
ผมขับรถมาเรื่อยๆก่อนจะถึงโค้งก็ชะลอรถอยู่ทางด้านซ้ายแล้วก็มีรถขับแซงขึ้นมาจากเป็นควายอีกเหมือนเดิมแล้วความเร็วน่าจะประมาณ 120 พอดีผมขับมาจากใกล้ๆรถคันนั้น รถคันนั้นก็ได้ป่ะจนเกือบจะตก ผมตกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งที่ขับรถมาดีๆ
3 ปีผ่านมาวันนั้นเพื่อนของผมนั่งรถมาด้วยกันเพราะผมทำงานเป็นเซลล์ขายรถวิ่งผ่านไปมาทางนี้บ่อยๆและก่อนจะถึงทางโค้งผาแดงนั้นเพื่อนของผมก็ได้ถามผมว่า
“ ศาลข้างนั้นศาลอะไร ”
“ ศาลปู่เจ้าสมิงดำ เขาว่ากันว่าสมัยก่อนแถวนี้มีเสือตัวใหญ่อยู่ ทุกวันนี้ชาวบ้านเลยมาตั้งศาลไว้ให้คนมาแก้บนกันบ่อยๆ ”
“ จริงป่ะถ้าภายใน 2 ปีนี้กูได้เป็นผู้จัดการกูจะเอาเลือดมาถวาย ”
“ มึงจะไปเอาเลือดมาไหน ”
“ เลือกกูเอง ”
( บทสนทนาเพื่อนคุยกัน )
เพื่อนผมพูดเหมือนเล่นเหมือนจริงผมยังไม่ได้สนใจอะไรมันนักและหลังจากนั้นประมาณ 1 ปีกับอีก 2 เดือนก็ได้เป็นผู้จัดการจริงๆผมแปลกใจมากอายุ 28 แต่กลับได้เป็นผู้จัดการ
วันเวลาผ่านไปก็มีสายโทรมาหาผมคือแฟนของเพื่อนผมเอง
“ พี่ๆแฟนหนูรถคว่ำตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลชลบุรี ”
พอผมได้ทราบข่าว วันต่อมาผมรีบขับรถไปหาเพื่อนที่โรงพยาบาลแล้วถามเพื่อนผมว่าเรื่องมันเป็นยังไงแต่มันก็ไม่ยอมพูดแต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันอยากจะบอกอะไรผมบางอย่างเพียงแต่มันพูดไม่ได้
จนถึงวันที่เพื่อนผมได้ออกจากโรงพยาบาลพบก็ได้ไปรับมันมาที่กรุงเทพฯในระหว่างที่นั่งรถกลับเครื่องทรงผมก็เลยพูดขึ้นมาว่า
“ มึงกูมีเรื่องจะเล่าให้ฟังตอนจะกลับไปกรุงเทพฯประมาณ 20:00 น บนถนนไม่มีรถเลยก่อนจะถึงคงอีกไม่นานกูก็ขับรถตามปกติแต่กูเห็นคนเดินเต็มเลยทั้งสองข้างทางมาเรื่อยๆ มันเหมือนคนพวกนั้นกำลังจะแบกโรงงานศพอยู่แล้วมีเด็กผู้หญิงเด็กผู้หญิงก็ได้มึงเชื่อไหมว่าคนในรูปนั้นก็คือกูเอง แล้วพวกนั้นก็เหมือนจะกระโดดมาใส่รถกู กูเลยหักรถหลบจะคว่ำนี่แหละ กูมองเห็นวันเกิดกูอ่ะถูก แต่กูไม่เชื่อหรอกว่ากูจะตายวันที่ 21 ธันวาคม ”
แล้วเวลาก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนถึงวันที่ 20 ธันวาคมเพื่อนของผมก็ได้โทรเรียกเพื่อนทุกคนบอกว่าวันพรุ่งนี้มาฉลองวันเกิดกัน
จนถึงคืน 21 ธันวาคมเพื่อนทุกคนก็สังสรรค์กันตามปกติ แล้วเพื่อนของผมก็ได้สะกิดถามผมว่าเห็นไหมวันที่ 21 แล้วกูยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย
เพื่อนทุกคนดื่มกันอย่างสนุกสนานจากนั้นก็ได้ทยอยกันกลับเวลาประมาณ 23:00 น 11:40 น ผมก็เลยขอตัวกลับบ้านก่อนนะขับรถออกไปจากนั้นไม่ถึง 15 นาทีแฟนของเพื่อนผมก็ได้โทรมาบอกว่า
“ พี่เพื่อนพี่ล้มในห้องน้ำหัวแก้ฝ้ากับที่วางสบู่เลือดออกเต็มห้องน้ำเลยช่วยมาดูกันที ”
ผมได้ยินแบบนั้นก็รีบขับรถกลับไปทันทีพอกลับมาถึงงานก็เห็นพ่อตาของเพื่อนปลุกผมออกมาลักษณะคือคอพับเลือดไหลไม่หยุดผมภาวนาว่าขอให้มันไม่เป็นอย่างที่คิดจากนั้นทุกคนก็พาตัวมันไปโรงพยาบาลแต่ไม่ต้องการเพื่อนของผมเสียเลือดมากและเสียชีวิตในที่สุด
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมเสียเพื่อนรักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมามันจะไม่มีอาการจากสิ่งที่เพื่อนในวันนั้นหรือเปล่าทุกสิ่งดังคำขอกลับไม่ใส่ใจทำตามสัญญาผลจะออกมาเป็นเช่นนี้